กล้องฟิล์ม
แยกประเภทกล้องฟิล์มออกเป็น
3 อย่างง่ายๆ คือ
1.กล้องที่โฟกัสแบบกะระยะ หมายถึง การที่ผู้ถ่ายภาพต้องรู้ระยะว่า
จากกล้องไปถึงสิ่งที่ถ่ายได้ มันระยะเท่าไหร่? 1
เมตร , 3 เมตร , สุดลูกหูลูกตา
เช่นถ่ายภูเขา แล้วก็หมุนไปที่ระยะนั้นเลย อันนี้เรียกกล้องโฟกัสแบบกะระยะ //
กล้องส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็ก
2.กล้องที่โฟกัสแบบ Rangefinder
คือกล้องที่ปรับโฟกัส
โดยที่ถ้าอยากถ่ายจุดไหนให้มันชัด ก็หมุนโฟกัสแล้วให้ภาพที่มันเหลื่อมกันอยู่
มาซ้อนทับกันพอดี กล้องส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กถึงกลางๆ
3.กล้อง SLR คือกล้องที่มันสะท้อนภาพโดยตรงจากที่เราเห็นมาเลย
แค่หมุนๆเลนส์ให้มันชัด แสดงว่าใช้ได้ก็ถ่ายเลย
กล้องดิจิตอลสมัยนี้จะอ้างอิงลักษณะการใช้งานแบบนี้มาทั้งนั้น //
กล้องส่วนใหญ่จะมีขนาดใหญ่ และเปลี่ยนเลนส์ได้
ตัวอย่างกล้อง
Olympus Trip 35

กล้องระดับตำนานที่ขายถล่มทลายของ Olympus ว่ากันว่าผลิตตั้งแต่ปี 1968 – 1988 มีการผลิตสูงถึง 10 ล้านตัว!!! เพราะมันใช้ง่าย ภาพคมสวย และถูกมาก เจ้านี่หลักการถ่ายก็กะระยะเช่นกัน โดยจะมีสัญลักษณ์ เป็น รูปคนหนึ่งคน = 1 เมตร , รูปคนสองคน = 1.5 เมตร , รูปคนเป็นกลุ่ม = 3 เมตร และรูปภูเขา คือถ่ายวิวไกลๆ ยังไงก็ชัด การปรับค่าต่างๆ ถ้าใครขี้เกียจก็ปรับรูปรับแสง ก็ปรับมาที่ A ทีนี้ก็กะโฟกัสแล้วถ่ายลูกเดียว ข้อดีของเจ้านี่คือ มันไม่ต้องใช้ถ่านเลย เมื่อไหร่ที่แสงไม่พอ มันจะมีธงแดงมาบังในจอเราแค่นั้น กดๆถ่ายลูกเดียว สนุกสนาน หน้าตาดี น้ำหนักเบา แค่ 410 กรัม ขนาดพอๆ เหมาะกับสาวเก๋ๆ คล้องคอเดินสบายๆ
Minolta Hi-Matic F
จะไม่พูดถึงรุ่นนี้ก็คงจะไม่ได้ รุ่นสุดฮิตของน้องหมอก ในซีรี่ย์ “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น” เจ้ารุ่นนี้เกิดในปี 1972 นะ จริงๆแล้วมันเป็นรุ่นประหยัดที่ปรับลดสเปคมาจากรุ่นพี่Minolta Hi-Matic E การใช้งานมันก็ง่ายมากๆ แค่เล็งไปแล้วปรับโฟกัสให้ภาพซ้อนมันซ้อนกันพอดี ลองกดชัตเตอร์ลงครึ่งนึงก็จะเป็นการวัดแสงว่าภาพที่จะถ่าย มันแสงน้อยแสงมากยังไง ก็จะมีไฟเตือน นำ้หนักแค่ 350 กรัม สบายมาก ระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 0.8 เมตร เจ้าตัวนี้ ไม่เหมาะกับคนที่อยากเซ็ตค่าอะไรเองนะ เพราะมันไม่มีอะไรให้ตั้งค่าเลยล่ะ แต่เหมาะกับการพกพาและเล็งถ่าย
Olympus OM-1
กล้อง SLR ที่เคยเป็นที่สุดของความเล็กและน้ำหนักเบาในยุค ’70s เกิดขึ้นมาในปี 1972 การออกแบบที่สุดยอด ทำให้มันเป็นกล้อง SLR ที่ดูเตี้ยกว่าชาวบ้านชาวช่อง ไม่ดูหัวสูงโด่งเหมือนคนอื่นๆ การทำงานเป็นกลไกล้วนๆ มีแค่ถ่านที่เอาไว้วัดแสงเฉยๆ แปลว่าถ้าไม่มีพลังงาน มันก็ยังถ่ายรูปได้สบายๆ และ Manual อย่างเดียว ต้องตั้งค่ารูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์เอง การออกแบบที่เจ๋งมากอีกอย่างคือ มันมีที่ปรับความเร็วชัตเตอร์อยู่ใกล้ๆกับการโฟกัสเลนส์ ทำให้การควบคุมกล้องสะดวกสุดๆ ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง ด้วยเลนส์ตระกูล OM นั้น ไม่ต้องห่วงเรื่องความคมสวยเลย น้ำหนักรวม 660 กรัม ถือว่าเบาและเล็กกำลังดีเลยล่ะ เป็นตัวโปรดของใครหลายคน